อาศัยเหตุทั้ง ๓ ประการดังกล่าวมานี้ ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมูลเหตุให้สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อดีตอธิบดีสงฆ์วัดสุทัศน์เทพวราราม ได้ประกอบพิธีเททองหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ทุกปี จนถือเป็นประเพณีที่บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์ผู้สืบตำรับตำราหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์จากสมเด็จพระสังฆราช (แพ) จะต้องจัดพิธีเททองหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ทุกวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ตามที่ข้าพเจ้าได้ฟังมาก็คือ จากท่านเจ้าคุณพระมงคลราชมุนี (สนธิ์ ยติธโร ป.ธ.๗) และตามที่เห็นมาก็คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จนฺทสิริมหาเถร) ท่านเจ้าคุณพระศรีสัจจญาณเถร (ประหยัด ปญฺญาธโร) จนถึงปัจจุบันคือ พระครูภัทรวิริยคุณ (ถนอม ธมฺมฐีติ) เจ้าคณะ ๒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ ทั้งนี้ ได้มีพระมหาเถรซึ่งรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ให้คำปรึกษาแนะนำ คือ พระราชวิสุทธาจารย์ (แป๊ะ จนฺทสโร) อายุ ๘๙ พระญาณโพธิ (เข็ม กุนฺตาโร) อายุ ๙๐ ปี และในฝ่ายฆราวาสคือ คุณนิรันตร์ แดงวิจิตร (พระครูหนู) อีกทั้งยังมี พระเถระหลายรูปศึกษาตำราพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ เพื่อสืบทอดในสายวัดสุทัศน์ฯ ต่อไป
วันเพ็ญเดือน ๑๒ ปีนี้ ข้าพเจ้ามาน้อมรำลึกถึงความอัศจรรย์แห่งพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ซึ่งมีประวัติสืบทอดมายาวนานอย่างพิสดาร มีพุทธานุภาพเลิศล้น อย่างเช่นที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ได้ประจักษ์ด้วยพระองค์เองเมื่อครั้งที่สมเด็จพระวันรัต (แดง) พระอุปัชฌาย์ของพระองค์หายจากอหิวาตกโรคด้วยอาราธนาพระกริ่งทำน้ำพระพุทธมนต์ดื่ม จนเป็นปฐมเหตุให้พระองค์ทรงดำเนินการค้นคว้าตำรับตำราดั้งเดิมกับทั้งทรงวางตำราหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ไว้เป็นความยิ่งใหญ่จนถึงกล่าวกันว่า “วัดสุทัศน์ฯ คือดินแดนพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ศักดิ์สิทธิ์แม้กระทั่งดินในบริเวณพิธี” ผู้ที่บูชาพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ คงได้ประจักษ์ในพุทธานุภาพด้วยตนเองแล้ว สำหรับข้าพเจ้าเองยอมรับว่าที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงทั้ง ๒ ครั้ง คือเมื่อปี ๒๕๒๓ และเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพราะอานุภาพของพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์นี่เอง จึงขอมอบหมายให้พระครูภัทรวิริยคุณ ได้ดำเนินการหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ทั้งนี้ ขอให้ปรึกษากับคุณนิรันดร์ แดงวิจิตร ซึ่งทั้ง ๒ ท่าน ได้แจ้งต่อข้าพเจ้าว่าควรจัดสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ๓ เนื้อ คือ ๑. เนื้อทองคำ ๒. เนื้อนวโลหะ ๓. เนื้อสัมฤทธิ์ (ฝาบาตร) ข้าพเจ้าเห็นชอบด้วย และเพื่อเป็นเครื่องน้อมบูชาพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ข้าพเจ้าขอให้อัญเชิญพระนามย่อ “อ.ว.” (อ = อริย, ว = วงศาคตญาณ) ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงใช้ในเบื้องต้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “อ.พ.ต.” อันปรากฎในเหรียญฉลองพระชนมายุ ๗ รอบ และสมโภชสุพรรณบัฏเมื่อ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ นับมาถึงบัดนี้ได้ ๕๐ ปี เป็นสัญลักษณ์ พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ รุ่นนี้
ข้าพเจ้า ตระหนักเสมอว่าการหล่อพระนั้นย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในทางบวก และทางลบ แต่เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้มีปัญญาย่อมศึกษาไตร่ตรองถึงการอันควร และไม่ควร ข้าพเจ้าต้องการให้พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ บังเกิดพุทธานุสสติ พุทธานุภาพ ธรรมานุสสติ ธรรมานุภาพ แก่ผู้บูชาปฏิบัติธรรม มิได้มุ่งให้เกิดความงมงายแก่ผู้ปฏิบัติตนนอกอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการใด ผู้บูชาย่อมได้รับผลด้วยตนเอง
ข้าพเจ้า รู้ดีว่าการสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ให้ถูกต้องตามตำรานั้น มีความลำบากอย่างยิ่งเหมือนกับที่รู้ดีว่าปัจจัยของพุทธศาสนิกชนผู้มาบูชานั้นหามาได้ด้วยความยากลำบาก จึงได้ตั้งขอกำหนดดังนี้
ข้อที่
๑) ให้ดำเนินการหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ทุกองค์ให้เสร็จในมณฑลพิธี ไม่ว่าจะเสียเวลาสักเท่าใด หรือมีเวลาเท่าใดให้ถือจำนวนเท่านั้น
ข้อที่
๒) ปัจจัยที่ได้จากการเช่าบูชาเกิดจากศรัทธาบริสุทธิ์ของพุทธศาสนิกชน ให้นำไปเป็นทุนบูรณะปิดทองพระพุทธตรีโลกเชฏฐ์ฯ พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระโลหะใหญ่ที่สุดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์เหลือจากนั้น ให้นำไปบูรณะพระอาราม
ข้าพเจ้า ได้มอบหมายหน้าที่ให้พระเถรานุเถระร่วมปฏิบัติงาน และได้เชิญท่านผู้มีเกียรติท่านผู้รู้ฝ่ายฆราวาสร่วมดำเนินการครั้งนี้ในรูปของคณะกรรมการ กับทั้งขออนุโมทนา ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาราชดำเนิน ที่ได้อุปถัมภ์อย่างเต็มที่
www.kruwatsuthat.com
พระกร่ิง รุ่น อ.ว.
พระชัยวัฒน์ รุ่น อ.ว.
|